
ประวัติส่วนตัว
ชื่อเล่น : เติ้ล อายุ : 21 ปี กรุ๊ปเลือด B
เกิดวันที่ : 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : 165 หมู่ 9 ตำบล ฟากห้วย อำเภอ อรัญประเทศ
จังหวัด สระแก้ว 27120
ที่อยู่ที่ติดต่อได้ : 413/13 อาคารณภัทร แมนชั่น ซอยวัดรวกสุทธาราม
ถนนจรัญสนิทวงค์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพ 10700
E-Mail : bs5021408383@windowslive.com
Blogspot : titlenichanun.blogspot.com
วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553
มะม่วงป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553
'การเดิน' ช่วยให้สมองเสื่อมช้าลง

ทุกคนรู้ว่าการเดินทำให้ร่างกายผู้สูงวัย ยืดหยุ่นขึ้น แต่มีกี่คนที่รู้ว่าการออกกำลังกายที่ไม่มีค่าใช้จ่ายนี้ ดีต่อสมองด้วย งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การเดินกระตุ้นการเชื่อมโยงภายในวงจรสมอง ที่มีแนวโน้มเสื่อมถอยลงขณะที่ผมหงอกเพิ่มจำนวนแทนที่ผมสีอื่น "รูปแบบการเชื่อมต่อของ เครือข่ายสมองของผู้สูงวัยจะเสื่อมลง ซึ่งไม่ช่วยสนับสนุนสิ่งที่เราทำ เช่น การขับรถ แต่เราพบว่าความสามารถของร่างกายที่จะนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เครือข่ายสมองประสานกันมากขึ้น" ดร.อาร์เธอร์เอฟ เครเมอร์ ผู้นำการวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์สหรัฐฯ กล่าว การศึกษาการเดินของเครเมอร์ที่ตีพิมพ์อยู่ในวาร สารฟรอนเทียร์อิน เอดจิ้ง นิวโรไซนส์ ติดตามผลผู้ใหญ่อายุ 60-80 ปี จำนวน 70 คน เป็นเวลา 1 ปี โดยมีอาสาสมัครหนุ่มสาวอายุ 20-30 ปี อีกกลุ่มเป็นกลุ่มควบคุมเพื่อใช้เปรียบเทียบในการประเมินพฤติกรรมการนั่งๆ นอนๆ ในอดีตของกลุ่มตัวอย่าง เครมเมอร์เผยว่า กลุ่มที่ออกกำลังกายด้วยการเดิน มีพัฒนาการชัดเจนกว่า ไม่เพียงในด้านร่างกาย แต่จากการใช้อุปกรณ์เอฟเอ็มอาร์ไอสแกนสมองยังพบว่า กลุ่มนี้มีความจำดีขึ้น รวมถึงสมาธิ และกระบวนการคิดอีกหลายอย่าง "ขณะที่ผู้สูงวัยในกลุ่มที่เดิน ออกกำลังกายมีความฟิตทางร่างกายมากขึ้น การประสานงานระหว่างสมองส่วนต่างๆ ดีขึ้นเช่นกัน และเกือบเทียบเท่าหนุ่มสาวอายุ 20 ปีเลยทีเดียว" เครเมอร์อธิบาย อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่สามารถสังเกตเห็นได้หลังจากมีการออกกำลังกายด้วยการเดินนาน 12 เดือน และจากการวัดผลในช่วง 6 เดือนแรกไม่ปรากฏสัญญาณชัดเจนใดๆ การค้นพบนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ ดร.ลินน์ มิลลาร์ ผู้เชี่ยวชาญของอเมริกัน คอลเลจ ออฟ สปอร์ตส์ เมดิซิน และเป็นศาสตราจารย์สาขากายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยแอนดริวส์ในมิชิแกนสหรัฐฯ เธอบอกว่าแม้การเดินดูเหมือนเป็นกิจกรรมเรียบง่าย แต่จริงๆ แล้วระหว่างนั้น สมองทำงานในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
"ขณะเดินเรารวบรวมข้อมูลภาพ เสียง ตลอดจนถึงข้อมูลที่มาจากข้อต่อและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเท้า แรงที่ใช้ และอื่นๆ เป็นความคิดแบบคนสมัยก่อน นั่นคือถ้าคุณไม่ใช้ คุณก็จะสูญเสียมันไป ดังนั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆ เราจึงจำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นซ้ำๆ และการเดินก็เป็นกิจกรรมที่สามารถทำซ้ำได้ไม่รู้จบ" มิลลาร์ กล่าว แม้การเปลี่ยนแปลงบางอย่างเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ ได้เมื่อถึงวัยชรา แต่ไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้นต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนที่เกิดกับคนทั่วไป "เรารู้ว่าปฏิกิริยาของเราจะช้า ลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่การทำกิจกรรมเป็นวิธีรับมือที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ถ้าเราออกเดิน เราจะสามารถยืดเส้นยืดสายและทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น" ทางด้านเครเมอร์ที่ทำงานกับทหารและผู้พิการด้วย ยังคงมุ่งมั่นศึกษาผลลบจากภาวะสูงวัยจากทางเลือกไลฟ์สไตล์ต่างๆ "เราสนใจที่จะได้เข้าใจความ ยืดหยุ่นของสมอง แต่เรายังสนใจในเรื่องที่ว่าจะต้องอะไรบ้างเพื่อให้ได้สิ่งนั้นด้วย เราไม่สามารถรอยาวิเศษแต่ควรทำบางอย่างให้แก่ตัวเองตั้งแต่วันนี้"
วิธีนอนในรถอย่างปลอดภัย

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553
ขนมไหว้พระจันทร์

ขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศของประเพณีจีน ซึ่งในยุคหลังๆ มานี้ ชาวจีนนิยมให้เป็นของขวัญระหว่างครอบครัวและเพื่อนฝูงในเทศกาลไหว้พระจันทร์ จนมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและที่ทำงานในสังคมจีนยุคใหม่ไปแล้วก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า เทศกาลใบไม้ร่วง(中秋节)ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 พื้นที่เคานท์เตอร์ต้อนรับในอาคารสำนักงานเกือบทุกแห่งของจีน เต็มไปด้วยกล่องขนมไหว้พระจันทร์เทศกาลตามประเพณีเก่าแก่นี้ ดูจะกลายเป็น “เทศกาลคริสต์มาส”ของชาวจีน ด้วยจำนวนการให้และรับของขวัญสูงกว่าเทศกาลอื่นๆ บางบริษัทในปักกิ่ง มีการส่งของขวัญให้ลูกค้าในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์มากกว่าที่ส่งให้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วยซ้ำหลินเจียน นักเขียนรับเชิญของเว็บไซต์นิตยสารไฟแนนเชียล ไทมส์ ภาคภาษาจีน กล่าวว่า การส่งขนมไหว้ให้แก่กันเป็นเพียงการสื่อความต้องการรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ “จำนวนขนมไหว้พระจันทร์ที่บุคคลหนึ่งได้รับ จะเป็นตัววัดคุณค่าในตัวบุคคลนั้น” หลินระบุ
วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553
5 อย่า! เมื่อคุณจะนอน

เพราะขณะที่นาฬิกาทำงานไปเรื่อยๆ นั้น ล้วนปล่อยพลังงานทั้งสิ้น เชื่อมั้ยว่าการใส่นาฬิกาข้อมือนอน จะมีผลต่อสุขภาพระยะยาวเลย
รวมถึงอย่าวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ๆ ตัวด้วย บางคนที่ชอบใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกยามเช้า กรุณาเก็บมือถือของท่านไว้ให้ไกลตัวที่สุดเมื่อจะนอนซะเถอะ ไปหาซื้อนาฬิกาปลุกถูกๆ ดีๆ เก๋ๆ มาใช้ดีกว่า
เพราะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า โทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วเนี่ย จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาขณะเปิดเครื่องไว้ และเจ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ มีผลกับระบบประสาทซะด้วยสิ เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือซะดีกว่า พอปิดโทรศัพท์มือถือเรียบร้อยแล้ว จะวางไว้ใกล้หรือไกลก็หายห่วง
ไม่ว่าจะเหนื่อยอ่อนเมื่อยล้าขนาดไหน ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้หมด เพราะการหลับทั้งๆ ที่เครื่องสำอางยังคาอยู่ที่ผิวหน้านั้น จะก่อให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณระยะยาว กลางคืนคือช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนบ้างนะค่ะ
นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบว่าการใส่ยกทรงนานเกิน 12 ชั่วโมง จะเป็นการเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทรวงอกได้ ฉะนั้น ก็อย่าใส่ยกทรงนอนเลย ไม่ต้องกลัวเสียทรง ไม่ต้องกลัวอกแบะ ห่วงชีวิตไว้ก่อนดีกว่า
เพราะคุณอาจจะไม่ได้ตื่นอีกเลย . . . (อันนี้ขำๆ ค่ะ แต่ถ้าแฟนเขารู้คุณๆ อาจขำไม่ออกนะจ๊ะ)
วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553
จะกินไข่ไก่หรือไข่เป็ดดี

พลังงาน (แคลอรี) 169 180
ไขมัน (กรัม) 11.9 12.6
คาร์โบไฮเดรต (กรัม) 1.7 4.1
โปรตีน (กรัม) 12.7 11.7
แคลเซี่ยม (มิลลิกรัม) 76.0 71.0
เหล็ก (มิลลิกรัม) 3.5 2.8
วิตามินบี 1 (มิลลิกรัม) 0.08 0.27
วิตามินบี 2 (มิลลิกรัม) 0.48 0.56
วิตามินบี 5 (มิลลิกรัม) 0.1 0.1
วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553
ปัสสาวะอย่างไรให้ถูกวิธี

1. อย่ากลั้นปัสสาวะโดยเด็ดขาด เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะทันที
2. เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดชำรุดได้
3. ควรถ่ายปัสสาวะให้หมดหรือให้เหลือน้อยที่สุด คือ เมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้วให้เบ่งต่ออีกนิดหน่อย ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา
4. ไม่ควรบังคับให้ตนเองถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัยหรือจะรู้สึกว่าปวดปัสสาวะตลอดเวลา ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือประมาณ 2-4 ชั่วโมงควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง
5. ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะและน้ำปัสสาวะของตนเองทุกครั้ง เช่น ต้องเบ่งมากผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะพุ่งดีหรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเช่นไร เป็นต้น เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติที่สามารถบ่งบอกความผิดปกติของร่างกายได้
6. หลังปัสสาวะควรใช้กระดาษชำระซับอวัยวะเพศให้แห้งทุกครั้ง หรืออาจจะล้างทำความสะอาดได้ แต่อย่าให้เปียกชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราได้
7. ถ้าปัสสาวะไม่ออก ต้องไปพบแพทย์ อย่าซื้อยารับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้
8. การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ (ฝ่ายหญิงขมิบช่องคลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
9. ควรดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะใส มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ
10. ก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้งจะช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
11. น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ไม่ควรมีสิ่งอื่นเจือปน เช่น มูก หนอง น้ำเหลือง หรือเลือดถ้ามีถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์ทันที
12. การขับถ่ายปัสสาวะ ต้องไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าปัสสาวะแสบขัดลำบากต้องไปพบแพทย์ทันที
13. เราทุกคนควรต้องปัสสาวะอย่างน้อยวันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะใน 1 วัน ถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตราย ต้องไปพบแพทย์โดยด่วน
วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553
สูตรทำช็อกโกแลต

การมอบช็อกโกแลตให้กันในวันสำคัญอย่างวันวาเลนไทน์ คนต่างประเทศถือว่าเป็นการมอบสิ่งที่แทนความรู้สึกที่ดีของผู้ให้ทั้งหมดแด่ผู้รับ และถ้าเป็นช็อกโกแลตที่ทำขึ้นพิเศษและมอบให้กันในวันวาเลนไทน์ จะเป็นการบอกถึงความชัดเจนว่ารักและมีความปรารถนาที่ดีต่อกัน และเขายังถือว่าการให้ช็อกโกแลตยังเป็นการแสดงความรักที่นอกเหนือจากการให้ดอกกุหลาบ
ทั้งนี้คุณสมบัติพิเศษของช็อกโกแลต คือเมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้คลายความซึมเศร้าไปได้ เพราะช็อกโกแลตมีสารตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น เมื่อรับประทานเข้าไปจะรู้สึกหายเหนื่อยคลายเครียด และแอคทีฟขึ้นมาทันที เขาว่ากันอย่างนั้น และเมื่อผู้ใหญ่ที่มอบช็อกโกแลตให้กับเด็ก ถือว่าเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งเด็กจะพอใจมากเมื่อได้รับช็อกโกแลตเป็นของขวัญ และทั้งหมดเป็นเสน่ห์ของช็อกโกแลตที่ทำให้ช็อกโกแลตได้รับความนิยมจากทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
และสำหรับคู่รักคู่ไหนกำลังเตรียมหาช็อกโกแลต มาเป็นของขวัญที่จะมอบกันในวันวาเลนไทน์อยู่ล่ะก็ เราแนะนำว่าให้ลงมือทำเองจะดีกว่า เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจทั้งผู้ให้และผู้รับ แล้วของขวัญที่เราตั้งใจมอบให้คนรักก็จะมีค่ามากขึ้น แต่ถ้าใครที่ไม่ค่อยถนัดหรือเกรงว่าถ้าทำแล้วอาจจะไม่ได้ดั่งใจ เราจะบอกเทคนิค เป็นเคล็ดที่ไม่ลับเกี่ยวกับการทำช็อกโกแลตเพื่อให้ได้ไปลองทำกัน
วิธีทำช็อกโกแลตแบบง่ายๆ 1
ไม่ใช่เรื่องยาก หากใครอยากจะบรรจงปั้นแต่งช็อคโกแลตให้คนพิเศษกับมือ เพียงแค่ไปหาซื้อช๊อกโกแลตสำเร็จรูป (ที่เป็นเมล็ดแห้งหรือแท่ง)ตามซูเปอร์มาเก็ตทั่วไป เมื่อได้มาแล้วให้นำช็อกโกแลตสำเร็จรูปมาทำละลายด้วยวิธีง่ายๆ คือ
- เตรียมน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส นำช็อกโกแลตใส่ในชามแก้ว แล้วลงแช่ในน้ำร้อนจนละลาย
- ยกขึ้น ให้อุณหภูมิต่ำลงที่ 28 องศาเซลเซียส
- จากนั้นเทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ทิ้งไว้ให้เย็น
- ประมาณ 3 นาทีจึงค่อยแกะช็อกโกแลตออกจากแม่พิมพ์ ก็จะได้ช็อกโกแลตในรูปร่างที่ต้องการ (หากทิ้งไว้เกิน5นาทีรูปร่างช็อกโกแลตจะไม่สวย)
เคล็ดลับความอร่อยของช็อกโกแลต
ต้องเป็น "แบล็คช็อกโกแลต" หรือช็อกโกแลตดำเท่านั้นที่ใช้ในการทำช็อกโกแลต จึงจะเป็นช็อกโกแลตที่หอมและให้รสชาติความอร่อยได้ดีที่สุด และยังเป็นสูตรดั้งเดิมของชาวยุโรปด้วย(ที่สำคัญต้องไม่ใช่ช็อกโกแลตที่ทำจากนมหรือไวท์ช็อกโกแลต)
การเก็บรักษา
ควรเก็บช็อกโกแลตไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสเท่านั้น ไม่ควรเก็บช็อกโกแลตไว้ในตู้เย็นเพราะในตู้เย็นจะมีไอน้ำมาเกาะช็อกโกแลต ทำให้ช็อกโกแลตแฉะ เปลี่ยนสีและไม่น่ารับประทาน
ที่มา http://guru.sanook.com/pedia/topic/
วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553
15 วิธีแก้ "เบื่อ" ก่อนปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังทำลายสุขภาพ
1. หาความท้าทายใหม่ ๆ ให้ชีวิต หลายครั้งที่คนเราเกิดความรู้สึกเบื่อเป็นเพราะชีวิตไม่ได้พบกับความท้าทายใด ๆ เลย มีแต่งานรูทีนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คงจะดีหากคุณตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ให้กับของชีวิตให้ตัวเอง และพยายามพิชิตมันให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อย ชีวิตคุณก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว
2. มองหางานใหม่ หากวิเคราะห์แล้วว่าสิ่งที่ทำให้คุณเบื่อก็คืองานที่ทำ คุณอาจจำเป็นต้องคิดถึงการโยกย้ายเอาไว้บ้าง ซึ่งคำแนะนำของทางเว็บไซต์ระบุว่า ไม่จำเป็นต้องยื่นใบลาออกทันที แต่ให้ลองทำลิสต์รายชื่อของบริษัทที่น่าสนใจ-งานที่คุณคิดว่าจะไม่ทำให้คุณเบื่อ อัปเดตประวัติการทำงาน และลองส่งออกไปก่อนดีกว่าออกมาเดินเตะฝุ่นเล่น ๆ
3. ตั้งเป้าหมายของชีวิต และจดออกมาเป็นข้อ ๆ ถึงสิ่งที่คุณต้องการจะทำให้สำเร็จให้ได้ก่อนที่คุณจะจากโลกนี้ไป ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับงานอย่างเดียว เป็นเรื่องของทัศนคติ มุมมอง หรือความต้องการใด ๆ ก็ได้ แต่หากเคยทำเอาไว้แล้ว ก็ลองหยิบมันขึ้นมาอ่านใหม่อีกสักครั้ง หรือเลือกเป้าหมายชีวิตสักข้อขึ้นมาทำให้สำเร็จในปีนี้
4. เคลียร์โต๊ะทำงาน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับชีวิต และได้ย้ายของที่ไม่จำเป็นออกไปเสียบ้าง หรืออาจใช้เวลานี้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน ลองคิดหาวิธีที่จะช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ้นเปลืองทรัพยากรน้อยลง
5. หางานอดิเรกที่ชื่นชอบมาทำ เช่น หาเวลาว่างอ่านหนังสือ เขียนบล็อก เล่นเกม เพื่อหาอะไรใหม่ ๆ ให้กับชีวิต แต่อย่าให้เบียดบังเวลางานจนกระทั่งถูกเพ่งเล็งจากคนรอบข้าง ควรใช้เวลาว่างก่อนหรือหลังเลิกงานทำงานอดิเรกเหล่านี้จะดีกว่า
6. สมัครคอร์สเรียนพิเศษหาความรู้ให้ตัวเอง ไม่จำเป็นว่าต้องเรียนในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานเสมอไป อาจเป็นการเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มในวันเสาร์ - อาทิตย์ เรียนทำอาหาร เรียนศิลปะ เรียนคอมพิวเตอร์ หรืออะไรก็ได้ที่คุณสนใจ
7. ลาพักผ่อน เขียนใบลาพักร้อนสัก 1 - 2 วัน หนีความเบื่อหน่ายซ้ำซากในชีวิตก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้
8. เดินยืดเส้นยืดสาย
9. ดื่มน้ำเยอะ ๆ
10. โทรศัพท์ - เขียนจดหมายหาคนที่คุณรัก
11. จัดการไฟล์บนคอมพิวเตอร์ให้เป็นระเบียบ
12. เช็คเมลให้หมด หลายคนมีเมลค้างอยู่นับสิบนับร้อยฉบับ ไม่มีเวลาเช็ค ช่วงที่เบื่อ ๆ การเข้าไปเช็คเมลให้หมด ก็อาจได้ข้อมูล - แนวคิดดี ๆ จากเมลเหล่านั้นติดกลับมือออกมาบ้าง
13. วางแผนการเงิน หรือเปลี่ยนวิธีใช้เงินของตัวเอง จากที่เคยใช้หมดไม่เคยเหลือเก็บ ก็ลองมองหารูปแบบการเก็บเงินเหมาะ ๆ ให้กับตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์-อินเทอร์เน็ต ในการช่วยบริหารจัดการรายได้ที่มีให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้นได้ด้วย (อย่างไรก็ดี ควรระวังการป้อนข้อมูลบางชนิดลงไปด้วย เช่น เลขบัตรเครดิต หมายเลขบัญชีธนาคาร ฯลฯ เพราะหากมีการรั่วไหลของข้อมูลแล้ว อาจกลายเป็นความสูญเสียทางการเงินได้)
14. อยู่ห่างจากคนหรือสถานการณ์ที่ทำให้เบื่อ แม้ว่าในชีวิตจริง คนเราจะไม่สามารถหลีกหนีคน-สถานการณ์ที่น่าเบื่อไปได้ แต่การไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาคิดต่อก็เป็นการสร้างปราการขึึ้นในจิตใจและช่วยให้คุณมีแรงใจในการทำงานมากขึ้น
15. เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่น เช่น ทำงานเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล หรือช่วยเลี้ยงเด็กอ่อน ช่วยสอนหนังสือเด็ก ๆ เป็นต้น
ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ เจ้าของบทความ : zenhabits.net
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เมี่ยงคะน้าปลาทู สู้ภูมิแพ้

หลังรู้จักที่มาที่ไปของ โรคภูมิแพ้ กันแล้ว คราวนี้ถึงเวลา เสิร์ฟอาหารต้านภูมิแพ้ ที่ มีส่วนผสมของ กรดไขมันโอเมก้า 3, วิตามินซี หรือยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย, เควอร์ซีติน ช่วยรักษาการอักเสบ อาการแพ้ และหอบหืด, แมกนีเซียม รักษาอาการหลอมลมอักเสบและป้องกันโรคหืด ในเมนูที่ชื่อว่า เมี่ยงคะน้าปลาทู เตรียมส่วนผสม
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี
ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!
ที่มา:http://www.tistr-foodprocess.net/food_health/food_health14.htm
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วิธีแก้ปัญหา "หน้ามันเย้ม"

เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากมีอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ ที่เพิ่มขึ้นไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้น แต่บางคนคิดว่าตัวเองพ้นวัยรุ่นมานานแล้ว ทำไมยังหน้ามันไม่หายสักที นั่นเป็นเพราะยังมีปัจจัยอีกหลายอย่าง ที่ส่งผลต่อความมันบนใบหน้า ความเครียด, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในหญิงมีครรภ์, ความร้อน และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม
*ส่วนความเชื่อที่ว่าการรับประทานของมันๆ*
เช่น ขาหมู, ไอสกรีม, กะทิ แล้วจะทำให้หน้ามันนั้นเป็นการเข้าใจผิดค่ะ เพราะเป็นไขมันคนละชนิด กับที่หลั่งออกมาสู่ผิวหนัง
*ปัญหาที่พบคู่กันกับคนหน้ามันคือ*
รูขุมขนกว้าง ซึ่งจะสัมพันธ์กับปริมาณไขมันที่ผลิตจากต่อมไขมัน และหลั่งออกสู่ผิวหนังที่มากขึ้น เพราะถ้าไขมันเหล่านี้ไม่สามารถระบายออกไปได้ ก็จะเกิดการอุดตันเกิดเป็นสิวตามมาให้กลุ้มใจอีกเรื่อง
*การดูแลรักษาผิวหน้า สำหรับคนหน้ามัน*
1. ควรล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2-3 ครั้งก็พอ เพราะการล้างหน้าบ่อยเกินไป กลับจะเป็นโทษคือทำให้ผิวหน้าอักเสบระคายเคืองได้ ในระหว่างวันถ้ารู้สึกรำคาญหน้ามันก็อาจใช้กระดาษซับมันช่วยได้ สบู่หรือโฟมที่เลือกใช้ควรผลิตสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ หรืออาจใช้เป็นสบู่เด็กก็พอ ไม่ควรใช้สบู่ที่ฟอกแล้วหน้าตึงมาก
2. ครีมบำรุงหรือครีมให้ความชุ่มชื้น ควรเลือกชนิดปราศจากน้ำมัน (Oil-free) และไม่อุดตันรูขุมขน (Non-Comidogenic) และควรมีสารป้องกันแสง UV ที่จะมาทำลายผิวด้วย
3. การแต่งหน้า ถ้าเป็นไปได้แป้งที่เหมาะสม สำหรับคนหน้ามันก็คือแป้งฝุ่น แต่ถ้าจำเป็นต้องแต่งหน้าก็อาจใช้แป้งฝุ่นก่อนจึงค่อยแต่งหน้า การเลือกใช้รองพื้นควรใช้ชนิดที่มีส่วนผสมเป็นน้ำ (Water Based) และปราศจากน้ำมัน (Oil-free)ถ้าปฏิบัติด้วยวิธีดังกล่าวแล้วยังมีหน้ามันมาก มีรูขุมขนกว้างหรือมีสิวขึ้นจนขาดความมั่นใจ ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะคุณหมอจะมียาทาบางชนิดที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ที่อุดตันตามรูขุมขนออกไป เช่น ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ, AHA, BHA ฯลฯ ทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้นส่วนยารับประทานที่ควบคุมความมันบนใบหน้า เป็นยาอันตรายนะคะ! ซื้อทานเองหรือเอาไปแบ่งเพื่อนทานก็ไม่ได้ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น
ที่มา: http://heyhaparty.blogspot.com/2007/11/blog-post_6197.html
วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
10 วิธีหนีร่างกายเสียสมดุล

เกร็ดความรู้
ควรจะใช้ครีมทำความสะอาดคราบเครื่องสำอาง ออกก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ใช้อยู่เป็นประจำ
จากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เมื่อล้างเสร็จ ให้ใช้ครีมทาหน้า (วิธีเลือกใช้ครีมนั้นสังเกต ง่ายๆ คือ ทดลองทาบริเวณหลังมือ ถ้าครีมมีการซึมซับเร็วคือว่ามี คุณสมบัติที่ดี ส่วนวิธีการใช้ แต้มเนื้อครีมบนใบหน้า 5 จุด คือหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูกและคาง)
อย่าลืมดูแลรักษาหน้าให้สะอาดอยู่เสมอนะคะ และที่สำคัญ อย่าลืมล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนนอนทุกวัน
ที่มา http://sakid.com/2010/08/20/25210/
วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คุณสำรองข้อมูลแล้วหรือยัง
วันนี้จะมาพูดถึงการสำรองข้อมูลสำหรับเว็บมาสเตอร์มือใหม่ทุกท่าน เรื่องสำคัญแต่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามไป จริงหรือเปล่าครับ ถ้าไม่แน่ใจลองสำรวจจากคนที่คุณรู้จักกันเอาเอง แต่สำหรับผมแล้ว ก็ไม่ค่อยได้สำรองข้อมูลบนเว็บของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ถ้าว่าง ก็จะรีบทำทันที
เหตุผลดีๆ ที่ควรสำรองเว็บ
- ถ้าเปรียบเทียบ Web Hosting ที่เราใช้บริการ ก็ไม่แตกต่างจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ดังนั้น อาจมีปัญหาในส่วนของดิสก์ได้เสมอ
- ถ้าติดไวรัส อาจไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ
- สำหรับผู้ใช้งานเว็บที่มีฐานข้อมูล ยิ่งแล้วใหญ่ เราจะทราบได้อย่างไรว่า วันนี้ database จะเสียหาย
- ข้อมูลของคุณมีความสำคัญ
แค่นี้ก็น่าจะพอให้เราสนใจ และเริ่มทำการสำรองข้อมูลกันได้แล้วน่ะครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การป้องกัน ย่อมดีกว่าการแก้ไข
วิธีสำรองข้อมูล สำหรับเว็บที่ไม่มีฐานข้อมูล
ให้เราทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดในโฟลเดอร์ "WWW" (ส่วนใหญ่จะใช้โฟลเดอร์นี้เป็นหลัก) สังเกตุได้ง่ายๆว่า ไฟล์เริ่มต้นอยู่ที่นี่หรือไม่ นั้่นคือไฟล์ประเภท index.html, index.htm เป็นต้น
วิธีสำรองข้อมูล สำหรับเว็บที่มีฐานข้อมูล

ฐานข้อมูลที่ใช้กันส่วนใหญ่ น่าจะหนีไม่พ้น MySQL ซึ่งเป็นฟรีฐานข้อมูลที่นิยมใช้กันมาก ส่วนสำหรับวิธีการสำรองข้อมูลในส่วนของ MySQL ให้ทำดังนี้
- เข้าผ่านหน้าเว็บที่ใช้สำหรับการแก้ไข เช่น www.myweb.com/cpanel เป็นต้น (ให้สอบถามผู้ให้บริการดู)
- ให้หาหัวข้อเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
- เลือกหัข้อ PHPMyAdmin
- เลือก Database ที่เราใช้
- เลือก Export
- ให้เลือกการ Export ออกจากเป็นไฟล์ .CSV หรืออาจเลือกเป็นอีกไฟล์ประเภท SQL ก็ได้
- จากนั้นกดปุ่ม OK และรอจนกระทั่ง export เสร็จ
แค่นี้ เราก็สามารถสำรองข้อมูลบนเว็บไซต์ของเราได้แล้ว อย่าลืมน่ะครับ กันไว้ย่อมดีกว่าแก้เป็นไหนๆ
หลังจากที่ Apple ได้ออก iPad มา ค่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะ Google, Microsoft, Delll, HP ตามก็พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์มาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง มาวันนี้จะมาแนะนำอุปกรณ์ Touch Sceen จาก Dell ที่มีชื่อว่า "Dell Streak Tablet"
ดูตัวอย่างจากวีดีโอ ได้เลยครับ รับรองไม่ต้องอธิบายก็เข้าใจ เรียกว่าไม่ต้องบรรยายเป็นภาษาไทยก็เข้าใจได้แน่นอน
Dell Streak Tablet
ความสามารถหลักของ Dell Streak ประกอบด้วย
ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
เชื่อมต่อ Facebook ให้คุณอัพเดทตลอดเวลา
ไม่พลาดวีดีโอดีๆ จาก YouTube
ค้นหาสถานที่ด้วย Google Map
รองรับการใช้งานเว็บ Web ผ่าน 3G, BlueTooth, Wi-Fi
กล้องดิจิตอล 5 MegaPixels Camera
รองรับการใช้งานโทรศัพท์ด้วย
สนใจก็ลองสอบถามตามร้านค้าไอทีว่า มีนำเข้ามาแล้วหรือยัง..